วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

3 แหล่งช้อปปิ้งสุดฮอต เมืองหัวหิน

แหล่งช้อปปิ้งใน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้นมีอยู่หลายแบบหลายสไตล์ด้วยกัน หากเป็นคนที่ชอบหาซื้อสินค้าประเภทของฝากจากชุมชนที่เป็นผลิตภัณฑ์ในท้อง ถิ่นแล้วล่ะก็ สามารถหาซื้อได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไปได้ไม่ยาก หรือถ้าเป็นอาหารทะเลแห้ง ตามสองข้างทางเลียบชายหาดต่างๆ ก็จะมีร้านขายเรียงรายกันไปให้เลือกซื้อได้ตามใจชอบ
แต่ถ้าเป็นแหล่งช้อปปิ้งสไตล์คนรุ่นใหม่แล้วล่ะก็ "เพลินวาน" community mall ที่ย้อนสู่บรรยากาศเก่าแก่ของย่านการค้าวันวานให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสกันอีก ครั้ง ดูจะเป็นสถานที่ไม่ควรพลาด เลือกกินเลือกช้อปสินค้าเพื่อรำลึกวันวานกันได้ทุกวัน "Cicada" ตลาด นัดที่มีความโดดเด่นด้วยสินค้าไอเดียแบบแฮนเม้ดให้เลือกซื้อกันแบบจุใจ นอกจากนั้นยังมีการแสดงศิลปะและดนตรีให้ได้รับชมรับฟังกันอีกด้วย
ก่อนกลับลองแวะชมผ้าพิมพ์ลายสวยๆอย่าง "ผ้าโขมพัสตร์" ของดีเก่าแก่ของเมืองหัวหินกันสักนิด เป็นผ้าฝ้ายไทยแท้ที่นำมาพิมพ์ลายด้วยกระบวนการทำมือจนมีความสวยงามโดดเด่น เหมาะสำหรับซื้อไปใช้เอง หรือเป็นของฝากก็ได้เหมือนกัน




ขอบคุณข้อมูลจาก    travel.sanook.com

พระธาตุประจำปีเกิด


ในสังคมไทย ความเชื่อเรื่องปีนักษัตรที่สัมพันธ์กับปีเกิดและการนับอายุของแต่ละคนเป็น ที่รับรุ้กันแพร่หลาย ในแต่ละปีนักษัตรจึงกำหนดด้วยสัญลักษณ์เป็นสัตว์ประจำปีเกิด หรือที่เรียกว่า ๑๒ นักษัตร
         สำหรับในดินแดนภาคเหนือของไทย ความเชื่อเรื่องปีนักษัตรยังสัมพันธ์กับคติการบุชาพระบรมธาตุ ดังปรากฏเป็นประเพณีการชุธาตุหรือการไหว้พระธาตุประจำปีเกิด โดยครั้งหนึ่งในชีวิตควรมีโอกาสเดินทางไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดของตนเพื่อ ความเป็นสิริมงคล .
          คำว่า พระธาตุ มีความหมายสองนัยคือ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และสถานที่หรือพระเจดีย์ที่มีพระบรมธาตุบรรจุ โดยแต่ละแห่งจะมีตำนานที่เล่ามูลเหตุการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งสัมพันธ์ กับการเสด็จโปรดสัตว์ของพระพุทธเจ้าในดินแดนต่าง ๆ สถานที่ที่มีพระบรมธาตุเจดีย์เหล่านี้มักจะกลายเป็นเมืองสำคัญในเวลาต่อมา
          ลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุ ที่ บรรยายไว้ในตำนานมีลักษณะเหมือนถั่วแตก หรือข้าวสารหัก หรือเมล็ดพันธุ์ผักกาด กลมเกลี้ยงขนาดเท่าเม็ดพุทรา มีสีทองอุไร สีแก้วผลึก หรือแก้วมุกดา สีดอกพิกุล บางองค์มีรูทะลุได้

          ตามปกติจะบรรจุพระบรมธาตุไว้ใต้ฐานเจดีย์ หรือเรือนธาตุ โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถนำออกมาได้ เว้นแต่พระธาตุศรีจอมทอง และนอกจากการบูชาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังมีการบูชาพระธาตุของพระอรหันต์หรือพระสาวกด้วย
การบูชาพระธาตุ
         สมัยโบราณมักจะบูชาพระบรมธาตุด้วยเครื่องหอมและข้าวตอกดอกไม้ ตามปกติแล้วจะสรงพระธาตุด้วยน้ำสะอาด อาจเจือด้วยน้ำหอม เนื่องจากองค์พระบรมธาตุส่วนใหญ่บรรจุอยู่ใต้ฐานพระเจดีย์ การสรงน้ำจึงกระทำโดยการราดน้ำไปบนองค์พระเจดีย์ พระธาตุบางองค์จะต้องใช้น้ำจากแหล่งพิเศษอย่างเช่นการสรงน้ำพระธาตุศรีจอม ทอง ใช้น้ำแม่กลางเจือด้วยน้ำหอมหรือแก่นจันทร์

          กล่าวได้ว่าคติ การบูชาพระธาตุปีเกิดและตำนานที่เกี่ยวข้องสะท้อนถึงการแพร่กระจายของพุทธ ศาสนา ในดินแดนไทยมาแต่โบราณ นอกจากนี้การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ยังสัมพันธ์กับการเกิดชุมชนเมืองต่าง ๆ อันก่อให้เกิดคติความเชื่อและวัฒนธรรมร่วมกันของผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ โดยเฉพาะในภาคเหนือของไทยที่มีกลุ่มชนมากมายอาศัยอยู่ โดยมีพระบรมธาตุเจดีย์และสิ่งสำคัญทางพุทธศาสนาเป็นศูนย์กลางแห่งจิตใจ

          การเดินทางท่อง เที่ยวไหว้พระธาตุปีเกิดมีความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพระธาตุส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ จึงสามารถจัดเส้นทางสำหรับไหว้พระธาตุในจังหวัดใกล้เคียงได้ เช่น เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง หรือเชียงราย-น่าน-แพร่ เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้อิ่มใจในบุญกุศล ทว่ายังได้ชมศิลปะและสถาปัตยกรรมอันงดงามของแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย

การบูชาพระธาตุประจำปีเกิด
 
 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

คนไทยกับภัย "อาหารถุง"

 เชื่อหรือไม่ อาหารถุงทั่วเมืองไทยปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์มเกินครึ่ง โดยเฉพาะเมนูที่ปรุงด้วยกะทิ พวกแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน รวม ถึงขนมไทย ที่เข้าป้ายมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาติดๆ ด้วยอาหารประเภทผัดและผักลวก

    เชื้อโคลิฟอร์ม เป็นแบคทีเรียก่อโรคทางเดินอาหาร ที่ทำให้เกิดอาการตั้งแต่อาเจียน เป็นไข้ ปวดศีรษะ ท้องร่วง จนถึงขั้นร้าย แรงคือเสียชีวิตได้ แต่หากจะให้งดอาหารถุงเลยคงเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นการกินอาหารถุงให้ปลอดภัยจึงอยู่ที่การเลือกซื้อจากร้านที่ ทำอาหารสะอาด คนขายสะอาด ภาชนะสะอาด มีเตาอุ่นร้อนตลอดเวลา และเมื่อซื้อกลับบ้านแล้วต้องอุ่นให้ร้อนอีกครั้งก่อนรับ ประทาน เพราะเชื้อโรคนี้จะตายเมื่อโดนความร้อน ที่สำคัญควรซื้อแต่พอรับประทานเท่านั้น

สีของดอกกุหลาบสื่อความหมาย

สีกุหลาบสื่อความหมาย


กุหลาบแดงและกุหลาบขาวรวมกัน =  ดอกไม้สำหรับสื่อความหมายให้รู้ว่า "สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน"
กุหลาบสีชมพู = ดอกไม้สำหรับความงดงามและความอ่อนโยน
กุหลาบสีเหลือง = เป็นดอกไม้ที่บอกเป็นนัยว่า "ขอเป็นชู้ทางใจ" หรือ หมายถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง
กุหลาบสีส้ม = ดอกไม้เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา กุหลาบแดงเข้ม(สีเหมือนไวน์แดง) แทนคำว่า "เธอช่างสวยเหลือเกิน"
กุหลาบสีขาว = ดอกไม้สำหรับบอกว่า "ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน"
กุหลาบตูมที่มีทั้งใบและหนาม = เป็นดอกไม้ที่บอกให้รู้ว่า "แม้ฉันจะวิตกอยู่บ้าง แต่รู้ว่าเธอคงไม่ปฎิเสธ"
กุหลาบตูมที่ริดใบทิ้งหมด = ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าน่ากลัวไปหมด
กุหลาบตูมที่ริดหนามทิ้งหมด = ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้น
กุหลาบตูมสีแดง = ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้เดียงสา "รักของฉันเพิ่งแรกแย้ม และอ่อนต่อโลก"
กุหลาบตูมสีขาว = ดอกไม้ที่แสดงถึงความมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก
กุหลาบบานหนึ่งดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก = เป็นดอกไม้ที่บอกว่า "นี่คือความรักที่ฉันแอบซ่อนไว้"
กุหลาบบานสีแดง = ดอกไม้สำหรับบอกให้รู้ว่า "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"
กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว = เป็นดอกไม้ที่เขาอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"
กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว = ดอกไม้สำหรับแทนความหมาย "เสน่ห์ของเธอมันจืดจางลงแล้ว"
กุหลาบไร้หนาม = เป็นดอกไม้ที่สื่อให้รู้ว่า "เธอช่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลแม้ยามแรกพบ"
กุหลาบดอกเดียว = ดอกไม้สำหรับแทนความหมาย "รักฉันแม้เรียบง่าย แต่ก็มั่นคงกับเธอผู้เดียว"



ช่อกุหลาบสื่อความหมาย

จำนวนดอกไม้                                   ความหมาย

        1                                          รักแรกพบ 
        2                                          แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
        3                                          ฉันรักเธอ
        7                                          คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
        9                                          เราสองคนจะรักกันตลอดไป
       10                                         คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
       11                                         คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
       12                                         ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
       13                                         เพื่อนแท้เสมอ
       15                                         ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
       20                                         ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
       21                                         ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
       36                                         ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
       40                                         ความรักของฉันเป็นรักแท้
       99                                         ฉันรักเธอจนวันตาย
     100                                         ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
     101                                         ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
     108                                         คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
     999                                         ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย


ความหมายอื่น     
   
          กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) = "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

           กุหลาบตูมสีแดง = "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

           กุหลาบบานสีแดง = "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

           กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว = "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

           กุหลาบตูมสีขาว = "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

           กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว = "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

          กุหลาบตูม = สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

         
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com,kapook.com

ผัก 10 ชนิดที่ไม่กินไม่ได้แล้ว

1. ผักกาดขาว : ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลตสูง ช่วยบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์ 
2. ต้นหอม : มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยบรรเทาอาการหวัด และมีสารฟลาโลนอยด์ช่วยต้านมะเร็ง 
3. หอมหัวใหญ่ : ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 
4. คะน้า : มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง 
5. ตำลึง : มีวิตามินเอสูง ซึ่งดีต่อดวงตา พร้อมเส้นใยจับไนเตรต ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร 
6. มะระ : มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อนๆ ถ้านำมาคั้นน้ำดื่มจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 
7. บัวบก : มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ 
8. ชะอม : ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับอนุมูลอิสระ 
9. ถั่วพู : มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว 
10. ผักชี : ช่วยขับลม บำรุงธาตุ ย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง 
จะแถมท้ายด้วย ‘หญ้าอ่อน’ ที่ช่วยเพิ่มความกระชุ่มกระชวย ช่วยให้หัวใจสูบฉีด ก็ไม่ว่ากัน! 

ขอบคุณข้อมูลจาก : oknation

วัดโพธิ์ เที่ยวไหว้พระใจกลางกรุง

เรื่องราวแห่งห้วงอดีตตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังคงดังมาให้เราได้สดับรับฟัง ที่แม้จะดูเบาบางแต่ก็ยังคงแว่วมาถึง กระแสรับรู้เป็นระยะๆ นับตั้งแต่ช่วงวัยเรียนจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต ดูเหมือนเรื่องราวของบรรพบุรุษบนที่ลุ่มภาคกลาง แห่งนี้แทบทุกด้านไม่เคยจางไปในฐานะของประวัติศาสตร์ที่ชี้มายังอนาคตอยู่เสมอ
ไม่เพียงแต่แค่การบันทึกด้วยถ้อยคำเรียงร้อยออกมาเป็นตัวอักษร ประวัติศาสตร์หลายสิ่งหลายอย่างยังถูกบันทึก เอาไว้ในรูปแบบของตัวตนที่มีอยู่จริง รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสครบถ้วนทั้งหกทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวทุกข์โศกชมชื่นที่ ถึงขั้นว่าเลือดทาแผ่นดิน หรือจะเป็นความเจริญรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุข ประวัติศาสตร์เหล่านี้ล้วนมีพยานยืนยันมากมาย เหลือคณานับ ซึ่งต่างก็ทำหน้าที่ส่งทอดเรื่องราวสู่ชนรุ่นหลังอย่างต่อเนื่องในต่างรูปแบบ รวมไปถึงประวัติศาสตร์ส่วน หนึ่งที่ได้กลายมาทำหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งจะพาเราย้อนกาลเวลากลับไปสู่อดีตท่ามกลางสภาพแวดล้อมของปัจจุบัน ด้วยตัวตนที่ตั้งตระหง่านผ่านฟ้าฝนมาเกินสองร้อยปี และมีอยู่นับร้อยแห่ง... และหนึ่งในนั้นก็คือ "วัดโพธิ์" ใจกลางเมือง ฟ้าอมรนี่เอง...

มีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพท่านใดบ้างที่ยังไม่เคยบันทึกภาพของ "วัด" ด้วยอาวุธประจำกาย? แน่นอนว่าถึงจะมีแต่ก็คงจะหาได้ยากเต็มทน ซึ่งไม่วันใดวันหนึ่งก็คงไม่พ้นจะต้องถ่ายภาพจากสถานที่เหล่านี้อยู่ดี และหากเอ่ยถึงสถานที่ ประเภทนี้ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุด ก็เห็นจะไม่พ้นพื้นที่มรดกโลกอย่าง "อยุธยา" ที่แม้แต่ฝรั่งมังค่ายังต้องขอบินลัดฟ้ามา ร่วมชื่นชมความยิ่งใหญ่อลังการแห่งอดีตนี้เป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี จนอาจกล่าวได้ว่าเสียงชัตเตอร์ไม่เคยจางหายไป จากอยุธยาตราบใดที่พระอาทิตย์ยังคงทำหน้าที่อยู่บนฟากฟ้าเป็นปกติ แล้วถ้าจะท่องไปในหน้าประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา จำเป็นต้องเฉพาะที่ จ.อยุธยา เท่านั้นหรือ?
คำตอบคือไม่ใช่ ยังมีวัดอันถือกำเนิดในสมัยนั้นแต่ยังยืนหยัดมาจนปัจจุบันจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของเราเสียด้วย นั่นก็คือ "วัดโพธิ์" ที่หลายคนเคยไปเยือนมาแล้ว ความดังของวัดโพธิ์แห่งนี้ยืนยันได้จากสถิติที่ได้รับการบันทึกเอาไว้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 24 ของโลกในปี พ.ศ. 2549 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมในปีนั้นกว่าแปดล้านคน! แล้วเราจะว่ายังไงดีหากเราเป็นคนหลังกล้องแต่ว่ายังไม่เคยไปถ่ายภาพที่นี่สักครั้งหนึ่งเลย?

ครั้งหนึ่งในช่วงก่อนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า "ท่าเตียน" ออกเผยแพร่ไปทั่วสารทิศ (ถ้าจะจัดประเภทในสมัยนี้ก็คงเป็นแนวแฟนตาซี แต่ในยุคนั้นต้องเรียกว่าแนว "อภินิหาร") ผู้ที่ได้ชมต่างมีอาการตื่นเต้นเร้าใจ เพราะภาพในหนังนำเสนอยักษ์สองฝ่ายตัวสูงเทียมฟ้าโรมรันพันตูกันกลางกรุงเทพ! ฝ่ายหนึ่งนั้นมาจากฝั่งธนฯ ส่วนอีกฝ่ายมาจากพระนคร สังกัดวัดด้วยกันทั้งคู่ (เรียกว่าเด็กวัดก็เห็นจะไม่ผิด) สาเหตุของการวิวาทก็คงจะฝากให้ไปหามาดูกัน คนยุคดิจิตอลดูแล้วคงหัวเราะหน้าระรื่นกับสเปเชี่ยลเอฟเฟคในสมัยกว่าสามสิบปีที่ปรากฏ แต่ต้องขอบอกว่าในยุคนั้นเป็นหนังที่สร้างความฮือฮาตื่นเต้นจริงๆ เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากตำนานของยักษ์จากสองวัดที่ตีกันราวกับวัยรุ่น แต่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านร้านตลาดบริเวณนั้นอย่างสาหัส และลงท้ายด้วยการถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่
ท่าเรือที่อยู่ติดกับวัดโพธิ์แห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน
ชื่อเสียงที่ลือเลื่องในอีกด้านหนึ่งของวัดโพธิ์ก็คือ เรื่องของตำราและศาสตร์แห่งการนวดแผนโบราณที่สืบทอดภูมิ ปัญญาของบรรพบุรุษที่สั่งสมมายาวนานได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทุกอย่างที่ถูกจารึกไว้ตามส่วนต่างๆ ของวัดล้วนน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการบันทึกหรือสรรพวิทยาที่ถ่ายทอดออกมาด้วยการใช้ภาพอธิบายร่วมกับตัวอักษร

ในอีกด้านหนึ่งนั้นก็คือเรื่องของสถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ที่ใดในโลก รวมไปถึงบรรดารูปเคารพบูชาทั้งพระพุทธรูปและตุ๊กตาหินขนาดใหญ่ต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างความประทับใจอย่างไม่มีที่ใดเสมอเหมือน ประวัติโดยละเอียดของวัดโพธิ์นั้นหาศึกษากันตามแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น วิกิพีเดียและเว็บไซต์ของทางวัดได้ไม่ยาก จึงจะนำมากล่าวโดยย่อว่า "วัดโพธิ์" เป็นชื่อเรียกขานที่ติดปากชาวพุทธพระนครมาช้านาน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร" (เหตุที่เรียกว่าวัดโพธิ์เป็นเพราะวัดเดิมชื่อ "วัดโพธาราม") เป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ จัดสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเมื่อใด) ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในสมัยกรุงธนบุรี ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ได้ทรงโปรดเกล้าให้สถาปนาวัดนี้ใหม่ในปี พ.ศ. 2331 โดยทรงสร้างพระอุโบสถพระระเบียงพระวิหาร รวมทั้งบูรณะของเดิมแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2344 วัดโพธิ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551

วัดโพธิ์ ในทุกวันนี้ยังเต็มไปด้วยคุณค่าแห่งประวัติศาสตร์ที่อธิบายและเล่าเรื่องด้วยตัวตนจริง ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงมีมนต์ขลังและงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งต้องขอบอกว่าน่าเสียดายถ้าหากว่าคุณไม่ได้ไปเยือนชม.. เที่ยวเมืองไทยใกล้ตัว...ไม่ไปไม่รู้จริงๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.sanook.com

กังนัม สไตล์ Gangnam Style

กังนัม เกาหลี

กังนัม ซึ่งมีความหมายว่า ทางใต้ของแม่น้ำ ที่เป็นได้ทั้งอารมณ์อยากช้อปปิ้งเกาหลี หรือว่าจะเป็นหาที่พัก กินอาหารเกาหลี เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งเที่ยวเกาหลีฤดูใบไม้เปลี่ยนสีได้เป็นอย่างดีโดยถนนที่มีชื่อว่า Garosu-gil ภายหลังที่นั่งรถไฟมายังสถานีที่มีชื่อว่า Gangnam Stn. โดยออกมาจากสถานีโดยใช้ทางออกหมายเลขหกและเจ็ด ก็จะพบว่าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะร้านขนมกาแฟที่สามารถรองท้องพักเหนื่อยได้เป็นอย่างดี

      สัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของย่านนี้ได้แก่ตึก Jump Milano ที่เต็มไปด้วยร้านค้าส่วนมากเป็นเครื่องประดับ และยังมีเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยชาวเกาหลีและอีกสองตึกที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ Gangnam Kyobo Tower และ Samsung Town และในส่วนภายในสถานีรถไฟกังนัมเองก็มีร้านค้าหลากหลายให้เลือกช้อปกันได้ 
      
      หากใครชื่นชอบแฟชั่นไม่ผิดหวังกับย่านกังนัมแต่นอน ในส่วนที่เรียกว่า Apgujeong-dong บนนถนนที่มีชื่อว่า Cheongdam-dong ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยสินค้าเบรนเนมด์อย่าง Prada, D&C, Gucci ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นย่านไฮไซของเกาหลีเลยเพราะที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าเบรนเนมด์ หากใครมาแถวๆ นี้อาจได้บังเอิญเจอกับดาราเกาหลี และห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อคือห้าง Galleria ที่เต็มไปด้วยสินค้าที่มาจากตะวันตก ที่จะทำให้บัตรเครดิตถูกรูดจนร้อนเลยปานนั้น หากใครคิดจะละลายเงินวอนด้วยผลงานของชาวกิมจิและก็ต้องมาที่ถนน Rodeo Drive การเดินทางก็ตามแผนที่ด้านล่าง
ปัก แจ ซาง หรือ ไซ ศิลปินฮิพฮอฟ เจ้าของรูปร่างตุ้ยนุ้ย ชาวเกาหลี วัย 34 ปี เจ้าของเพลงฮิต “กังนัม สไตล์” ที่กำลังโด่งดังเป็นพลุ และทำให้เขากลายเป็นซุป’ตาร์ แห่งโลกอินเตอร์เน็ต ด้วยการที่มีผู้เข้าชมคลิปวิดีโอของเขาในยูทู้บมากกว่า 34 ล้านคน

     ปัก แจ ซาง หรือ ไซ คือใคร? ไซ จบการศึกษา ด้านดนตรีจากมหาวิทยาลัยบอสตัน และวิทยาลัยเบิร์กลีย์ เขาเลือกชื่อ "กังนัม" ซึ่งเป็นย่านธุรกิจทางใต้ของกรุงโซล มาเป็นชื่อเพลงที่มีเนื้อหาเสียดสีก็เพราะต้องการบรรยายให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในเกาหลีใต้ คุณอาจจะไม่รู้จักเขา แต่ตอนนี้ มีคนเข้าไปดูเพลง กังนัม สไตล์ ในยูทูปราว 34 ล้านคน ตั้งแต่อัพโหลดเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยผู้ที่เข้าชม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาชอบรูปลักษณ์และท่าเต้นที่สร้างสรรค์ เน้นอารมณ์ขัน สร้างสไตล์ที่แตกต่างไปจากนักเต้นทั่วไป ด้วยกระแสนิยมนี้เอง ทำให้มีคนทำมิวสิกวิดีโอล้อเลียน และนำไปโพสต์ในยูทูปกันเป็นที่สนุนสนาน สร้างความสุขให้กับทุกคน โดยเฉพาะในเกาหลีใต้
    
กังนัม สไตล์ เป็นเพลงเอกในอัลบั้มชุดที่ 6 ของ ไซ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเน้นจุดขายที่ท่าเต้น "ฮอร์ส แดนซ์" ที่ไซเป็นคนคิดขึ้นเอง ซึ่งขณะนี้ฮอตฮิตติดชาร์ตเพลงดัง ทั้งในเกาหลีใต้ และยังติดอันดับต้นๆ ในไอทูน ทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ และเดนมาร์กอีกด้วย 

    "กังนัม สไตล์ จึงแปลว่า สไตล์คนรวย" เหมือนกับว่าเสียดสีสังคม โดยใช้ชื่อถนนย่านธุรกิจอย่างกังนัม เรียก แทนคนรวยส่วนเพลงกังนัมสไตล์นั้น เนื้อหาโดยรวมก็ประมาณว่า ถึงแม้จะเป็นคนรวย เป็นกังนัมสไตล์ แต่ก็รู้กาละเทศะรู้เวลาที่เหมาะสม เวลาสนุกก็จะเต็มที่สุดๆ เซ็กซี่สุดเหวี่ยวง ส่วนเวลาปกติก็จะวางตัวดีปกติ



   ขอบคุณที่มา : www.siam-vip.com

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สอนวิธีดาวน์โหลดอัลบัมภาพ ใน Facebook ของเพื่อนเรา ได้ง่ายๆ

 picknzip เป็นบริการออนไลน์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เรา สามารถดาวน์โหลดรูปภาพ หรืออัลบัมภาพของเพื่อนเราใน facebook มาเก็บไว้ที่เครื่องเราอย่างง่ายดาย (มันคือตัวช่วยดูดภาพ facebook ดีๆนี่เอง) เพียงแค่เราล็อกอินด้วย facebook ผ่าน App ของหน้าเว็บ picknzip.com ก็จะพบกับรายชื่อเพื่อนทั้งหมดของเรา ซึ่งเราสามารถเลือกได้เลยว่าจะดาวน์โหลดภาพ หรืออัลบัมไหนของเพื่อนเราเพียงกดไม่กี่คลิก ก็สามารถดาวน์โหลดมาเก็บได้เลย ไม่ต้องไปนั่งเซพทีละภาพๆ
 ก่อนโหลดสามารถเลือกได้ได้วยว่า จะดาวน์โหลดเป็นไฟล์รูปภาพ(Zip Folder) หรือจะดาวน์โหลดเป็นไฟล์ PDF

เพียงเท่านี้ ก็สามารถดาวน์โหลดอัลบัมภาพใน facebook มาเก็บไว้ในเครื่องเราได้อย่างง่ายดาย 
ลองใช้งานกันดูครับ http://www.picknzip.com 
 
 
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก thaiseoboard.com ครับ

android หลบไป มารู้จัก10 อันดับ มือถือโคตรจะทนทานกันดีกว่า

สมัยนี้ทุกคนต้องมี โทรศัพท์มือถือ เป็นของตัวเองกันทุกคนแต่จะมีสักกี่คนที่ยังจำรุ่นเก่าๆ กันได้บ้าง วันนนี้ื่ผมเลยหยิบบทความของ Toptenthailand.com ในหัวข้อ " 10 อันดับ มือถือทนมือทนเท้า " มาฝากแฟนๆ กัน

      10.Nokia(จำชื่อรุ่นไม่ได้ครับ^^) รุ่น นี้พลาสติกหนามาก และเรื่องรอยขีดข่วนแทบจะไม่มีเลย แม้จะใช้กันหลายๆ ปี ก็ยังใช้ได้ดีมาก เป็นรุ่นที่ร้านโต๊ะโทรศัพท์ทางไกลนาทีละ 3 บาท สมัยก่อนใช้กันเยอะมาก!!!! …
9.motorola e398 g รุ่นนี้วัสดุทนทานมาก อีกทั้งเรื่องของจอสีรุ่นแรกๆที่คนนิยมใช้กันมาก มีคุณสมบัติและฟังช้ันเยอะมาก ตัวปุ่มลอกยากมาก และราคาไม่แพง …
 8.Alcatel รุ่นตกน้ำสบัดใช้ได้เลย เป็นรุ่นหนึ่งที่ทนทานอย่างรุนแรงแม้จะตกแล้วตกเล่า เพราะวัสดุเนื้อดี พลาสติกกับตัวปุ่มกดเป็นชิ้นเดียวกัน คนออกแบบกะว่าให้แรมโบ้ใช้งานเป็นแน่แท้ …
7.Alcatelเป็นรุ่นแรกของโลกที่สามารถขว้างให้กระจาย แล้วมาประกอบกัน สามารถโทรออกได้อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ้วพระเจ้า!!!!! …
 6.MotorolaStartac น้อยคนนักที่จะได้เจอรุ่นนี้ ขอบอกว่าเป็นรุ่นที่ไม่รู้ว่าใช้วัสดุพิเศษอะไรทำ ถึงทำให้ตกน้ำแล้วอาจจะพังแต่ถ้าขว้างไปไกลๆให้เพื่อนรับ จะตกกี่ครั้ง มั่นใจได้เลยว่า โทรได้ปรกติแน่นอน
 5.Sony Ericsson แม้ จะเป็นรุ่นใหม่ แต่ก็มั่นใจว่าอันดับ 5 เรื่องความทนมือทนตีนคนไทย ย่อมมีรุ่นนี้ในดวงใจ ความชื้น ที่ๆมีทุกสภาวะอากาศ เพียงแค่คุณรู้สึกว่ามือถือโดนน้ำ เอารุ่นนี้ไปแช่ในถังข้าวสาร แล้วเอามาโทรออกและรับได้เหมือนเดิม …
 4.Siemens C45 เป็นรุ่นที่ตกมอไซด์แล้วโทรได้เหมือนเดิม ทำให้ไม่สามารถซื้อมือใหม่เพราะมันไม่เคยพังเลยซักครั้ง …
  3.Motorola Cellular One Cell Phone อันดับ ที่ 3 รุ่นนี้ย้อนไปสมัยครั้งที่เรายังเด็กๆ รุ่นนี้เป็นรุ่นกระติกน้ำ มีคุณสมบัติเป็นทั้งโทรศัพท์และอาวุธทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ด้วย …
 2.Siemens C35 อันดับ 2 ยกให้รุ่นนี้เป็นอันดับสองเพราะ เป็นรุ่นเดียวที่เคยใช้แล้วเผลอทำตกน้ำ แล้วไม่ดับ เห็นไฟจากจอมือถือจึงหยิบขึ้นมาเขย่านิดนึง โทรได้เหมือนเดิม เคยตกจากรถสองแถวระหว่างคุยกัน หยิบเศษขึ้นมา สายไม่หลุด!!!!!!!!! …
 1.Nokia 3310 รุ่นนี้อันดับที่ 1 ขอยกให้มือถือตลอดกาล โดยไม่มีคำอธิบายใดๆนอกจากคำว่า “ไอ้ถึก” เป็นคำนิยามของมือถือรุ่นนี้ …

ขอบคุณบทความดีๆจาก  sanook.com ครับ

เหมียว ดำครึ่งส้มครึ่ง?

เจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่า วีนัส วัย 3 ขวบ กลายเป็นที่ฮือฮาในหน้าสื่อต่างประเทศตอนนี้ ก็เพราะเจ้าเหมียววีนัสเป็นแมวตาสองสี และแมวสองหน้าในตัวเดียวกันโดยใบหน้าของมันนั้น มีสีที่ผ่าครึ่งเป็นสองซีกราวกับมีใครสักคนตั้งใจแต้มสี ซีกหนึ่งเป็นสีดำ ตาสีเหลือง ส่วนอีกซีกหนึ่งนั้น เป็นสีส้ม ตาสีฟ้า เป็นลักษณะที่อเมซิ่งสุด ๆ

ด้วยลักษณะพิเศษที่ไม่มีแมวตัวไหนเหมือน และเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ ทำให้เจ้าเหมียววีนัสกลายเป็นสัตว์เลี้ยงดาวดังที่มีแฟน ๆ ให้ความสนใจติดตามความเคลื่อนไหวของมันมากมาย ในเพจของมันในเฟซบุ๊กนั้น มีผู้กดไลค์ติดตามมันกว่า 24,000 คนแล้ว