ทุกวันนี้คนใช้อินเตอร์เน็ตในการโหลดข้อมูลและสื่อดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น
ทุกปี
นั่นทำให้ความต้องการความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก Tokyo Institute of Technology
ประเทศญี่ปุ่นได้ประสบความสำเร็จในการทำลายสถิติความเร็วของ Wi-Fi
ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 15-20 เท่า ถือว่าเร็วกว่ามาตรฐาน 802.11ac Wi-Fi
รุ่นต่อไป ด้วยการใช้ย่านความถี่ Terahertz band
ที่ยังไม่มีการควบคุมมาใช้ส่งข้อมูล ทางนักวิจัยได้ทำความเร็วไปแตะที่ 3GB
ต่อวินาที ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่ 1.5GB/วินาทีที่บริษัท ROHM
ทำไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 ว่ากันตามทฤษฎีแล้ว Terahertz band
ยังมีที่ว่างมากพอเพื่อไปแตะความเร็วที่ 100GB
ต่อวินาทีได้ซึ่งสถิติใหม่ที่ทำได้ยังห่างไกลจากจุดนั้นอีกมากมาย
ย่านความถี่ Terahertz band หรือที่รู้จักกันในชื่อ T-Rays
ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านการวิจัย สิ่งที่เหมือนกับคลื่น
X-Rays ก็คือ
เราสามารถใช้คลื่นนี้เคลื่อนที่ทะลุผ่านวัตถุเพื่อสร้างเป็นภาพออกมาได้
แต่อย่างไรก็ตาม T-Rays จะทิ้งพลังงานตกค้างน้อยกว่า X-Rays
จึงทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่า
ก่อนหน้าที่จะมีการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับย่านความถี่ Terahertz
โดยนักวิจัยญี่ปุ่นครั้งนี้
เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการส่ง T-Ray
ยังห่างไกลต่อการนำมาใช้กับเร้าท์เตอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อย่าง
แล็ปท็อป, แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน
แต่อุปกรณ์เวอร์ชั่นที่ทางทีมนักวิจัยของญี่ปุ่นได้พัฒนาขึ้นมาครั้งนี้ถือ
ว่าเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการผลักดันให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการนำย่าน
ความถี่ Terahertz band
มาใช้ในเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้านหรือหน่วยงานธุรกิจ
แม้ว่าตอนนี้การส่งสัญญาณผ่าน Terahertz band
ยังใช้งานได้ในระยะทางไม่เกิน 30 ฟุต
แต่มันก็ยังเพียงพอต่อการสร้างระบบความบันเทิงไร้สายภายในบ้าน
ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งอุปกรณ์ Terahertz band
เอาไว้ข้างๆอินเตอร์เน็ตทีวี เพื่อดาวน์โหลดภาพยนตร์ระดับ Full HD 1080p
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถ้าหากอุตสาหกรรม consumer electronics
ประสบความสำเร็จในการตอกย้ำให้ผู้บริโภคอัพเกรดระบบทีวีให้กลายเป็นระบบ 4K
television ที่ความละเอียดสูงกว่า Full HD ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าแล้ว
Terahertz band ก็จะมีประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น
คุณสามารถดาวน์โหลดตัวอย่างภาพยนตร์ขนาด 500GB
ได้ในเวลาแค่สองนาทีครึ่งเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Dailygizmo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น