เครดิตบูโร ใช้หนี้ก่อนถูกฟ้อง
เครดิตบูโรคือ สถาบัน
ที่เก็บรวบรวมข้อมูลของการชำระสินเชื่อหรือบัตรเครดิต
ซึ่งข้อมูลนี้จะประกอบไปด้วย ข้อมูลส่วนที่บ่งชี้ถึงตัวบุคคล เช่น
ชื่อนามสกุล ที่อยู่ เลขประจำตัวประชาชน
และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นประวัติการชำระสินเชื่อบนระบบสถาบันการเงิน
และการชำระบัตรเครดิตต่างๆ ทั้งหมดของบุคคลนั้น รวมเรียกว่า
"รายงานข้อมูลเครดิต"
รายงานข้อมูลเครดิตจะมีการบันทึกและจัดเก็บวงเงินยอดหนี้คงค้าง
รวมถึงประวัติการชำระลักษณะปกติและผิดนัดชำระในแต่ละสิ้นเดือนย้อนหลังไม่
เกิน 36 เดือน
โดยปัจจุบันมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “แบล็กลิส”
หรือ บัญชีดำ แบบผิดๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว
เครดิตบูโรจะไม่มีสิทธิ์ในการจัดแบล็กลิสผู้ขอสินเชื่อ
เพราะเครดิตบูโรจะทำหน้าที่เพียงรวบรวมข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อหรือ
บัตรเครดิตของสินเชื่อทุกบัญชีจากสถาบันการเงินตามข้อเท็จจริงเท่านั้น
ซึ่งสถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหนึ่งในการพิจารณา
อนุมัติสินเชื่อ
เพราะการตัดสินใจว่าจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่นั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น
รายได้ของผู้ขอสินเชื่อ หลักประกัน บุคคลผู้ค้ำประกัน เป็นต้น
ในทางกลับกัน หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติการชำระสินเชื่อที่ตรงต่อเวลา
และไม่มียอดหนี้คงค้างหรือมียอดหนี้คงค้างเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก
รายงานเครดิตบูโรก็จะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงินพิจารณา
อนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น
โดยปกติทุกคนควรที่จะรักษาประวัติการชำระให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีหรือตรงต่อเวลา
ก็จะช่วยให้การขอสินเชื่อในอนาคตมีโอกาสได้รับอนุมัติที่สูงขึ้น
การปล่อยให้ประวัติการชำระเงินค้างไปเรื่อย ๆ จะทำให้ถูกบันทึกว่าค้างชำระ
จนกระทั่งอาจจะถูกสถาบันการเงินฟ้องร้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
สำหรับ
ใครบางคนที่บอกว่าไม่เห็นจะมีเจ้าหน้าที่มาทวงถาม
หรือไม่เห็นว่าสถาบันการเงินจะทำการฟ้องร้องตนเองเลย
สาเหตุเนื่องมาจากว่าลูกหนี้เหล่านี้มักจะมีมูลหนี้ที่ค้างชำระไม่มาก
ทางสถาบันการเงินจึงไม่คิดที่จะติดตามทวงถามอย่างจริงจังเนื่องจากไม่คุ้ม
ค่าใช้จ่าย
แต่ทางสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะมีการปล่อยให้ลูกหนี้เหล่านี้มีประวัติค้าง
ชำระอยู่ในฐานข้อมูลเครดิตบูโรไปเรื่อย ๆ
เมื่อใดก็ตามที่ลูกหนี้มีความจำเป็นที่จะต้องขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากสถาบัน
การเงินอื่นๆ
ประวัติค้างชำระเหล่านี้จะลดโอกาสให้ลูกหนี้ได้รับการพิจารณาอนุมัติสิน
เชื่อ
สุดท้ายแล้วลูกหนี้จะต้องติดต่อกลับมาที่สถาบันการเงินที่ตนเองเคยมีประวัติ
ค้างชำระอยู่
เพื่อทำการเจรจาชำระหนี้ที่คงค้างอยู่โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ตนเองกลับมามี
สถานะผ่อนชำระเป็นปกติดังเดิม
ดังนั้นแล้วความคิดที่ปล่อยให้มีประวัติค้างชำระไปเรื่อย ๆ
คงจะเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก
เพราะเราทุกคนคงจะไม่อยากมีปัญหาในอนาคตเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องใช้
เครดิตของตนเองในการขอสินเชื่อ
ขอบคณข้อมูลบางส่วนจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)
และนายพากเพียรแห่ง funfundforum.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น