วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

King of King

คนไทยควรอ่าน...เพราะเป็นบทความที่ดี มีค่าอย่างยิ่ง
อ่านแล้วตื้นตันในหัวใจ ควรกดแชร์ให้เพื่อนๆ คนไทย ได้อ่านกันเยอะๆ นะครับ



     เมื่อวันก่อนพอดีมีโอกาสต้อนรับนักธุรกิจชาวอังกฤษหนึ่งท่านที่มาตามงานที่เขาสั่งไว้..ตามภาษาคนทำธุรกิจเลยต้องต้อนรับขับสู้ให้ดีที่สุดเพื่อโชว์ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ....เรื่องมันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำครับ....เราก็ทานกัน...ไปตามปรกติมาตอนท้ายๆ การสนทนาครับ...จำได้ว่า เราคุยกันเรื่องการลงทุนนี่แหละครับ...อยู่ดีๆ ฝรั่งตาน้ำข้าวก็พูดขึ้นมา ว่า..."คุณรู้ไหม ทำไมคนต่างชาติหลายๆประเทศถึงตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทย"..เราก็ตอบไปตามสไตล์คนอยากรู้ว่า ...ไม่รู้ เขาพูดขึ้นมาว่า "ส่วนมาก แล้วจะประเมินกันว่าแรงงานประเภทงานฝีมือคนไทยมีศักยภาพสูงสุดในแถบเอเซีย สูงกว่าญี่ปุ่นเสียอีก ตอนนี้จะพอมีใช้ได้ก็เวียดนามแต่ยังห่าง"....แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักนะครับ เพราะสิ่งที่นักธุรกิจคนนี้พูดต่ออกมาคือ....."แต่ปัจจัยหลักที่พวกเขาตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทยเป็นเพราะ ในหลวงฯ "

..เริ่มอึ้งไปชั่วขณะเพราะงง..จึงถามกลับไปว่าทำไมจึงเป็นเพราะ ในหลวงฯ...มาฟังคำตอบชัดๆ

เลยครับ.. "ก็เพราะประเทศคุณมี King of King...(แปลไม่ถูกเพราะหัวใจมันพองโตขึ้นมาในทันใด)...พวกเราเป็นที่รู้กันมาตลอดว่าประเทศไทยไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายแค่ไหน มันจะผ่านไปได้ทุกครั้ง แม้นกระทั้งความรุนแรงหรือความแตกแยกทางความคิดใดๆ หากเกิดขึ้น...เพียง ในหลวงฯ ของคุณบอกให้ จบทุกอย่างจะจบ ด้วยความสงบสันติ"...แล้วผมก็ถามกลับไปว่าตอนนี้เรายังมีปัญหาอยู่เลย..เขาตอบกลับทันทีว่า "เรื่องการจราจลเผาเมืองที่ผ่านมาเขาตามข่าวมาตลอดด้วยความเป็นห่วง แต่ที่แปลกใจก็คือครั้งนี้ นหลวง ไม่ออกมา แต่นั้นทำให้เขารู้ว่า..ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องความแตกแยก แต่เป็นเรื่องของการเมือง ในหลวงฯ จึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว......

...จบตอนนี้ผม อึ้ง ทึ่ง สมองสั่งการให้เห็นแสงสว่างขึ้นมาทันทีว่า..จริงด้วยเราหลงทางหรือเปล่าที่คิดว่าเราแตกความสามัคคี จริงๆแล้วเป็นเรื่องการเมืองของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น....คิดได้เท่านั้นทุกอย่างก็หยุดลง เพราะคำว่า "ในหลวง" ที่มีคุณูปการมากมายที่มีต่อคนไทย จนคนไทยอย่างเราเองคาดไม่ถึงและนึกไม่ถึงว่าคนต่างชาติมาลงทุนบ้านเราเพราะพระบารมีของพระองค์...ผมกับคุณพ่อเริ่มออกอาการซึมเพราะมันรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกเวลานั้น...ทุกอย่างแห่งความซาบซึ้งน่าจะจบลงตรงนั้นแต่แล้วน้ำตามันซึมออกมาเองอีกครั้ง...เมื่อตอนคนมาเก็บเงินค่าอาหาร...ในตอนที่เอาเงินส่งให้พนักงาน...ฝรั่งคนเดิมพูดขึ้นมาอีกว่า....

"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไรมี ในหลวงฯ คอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา"....ผมกับพ่อหันไปมองคราวนี้พ่อผมถามเองเลยว่า..คุณรู้ได้อย่างไร เขาตอบกลับทันทีเลยว่า "ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูป ในหลวงฯ ของพวกคุณอยู่ทุกๆ ใบแม้กระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่า มากที่สุดในธนบัตร เห็นเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นเวลาคนไทยไปไหน ในหลวงฯ จะอยู่กับคนไทยตลอดเวลาไม่เคยห่างกัน ผมยังสงสัยเลยว่าทำไมรัฐบาลคุณไม่ พิมพ์คำว่า.."เรารักในหลวง" ลงไปในธนบัตร.."..ทั้งผม ทั้งพ่อน้ำตากลั้นไม่ไหวจริงๆครับ มันซึมออกมาแบบไม่อายเลย น้ำลายมันก็กลืนไม่เข้าเวลานั้น...ภูมิใจมากครับที่เกิดเป็นคนไทย หัวใจมันพองโตจนรู้สึกว่าตายกี่ชาติต่อกี่ชาติ ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทยทีเถิด....

เรื่องทั้งหมดที่เล่าคงอธิบายความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดทั้งหมดไม่ได้ แต่อยากแบ่งปันให้พวกเราเก็บเรื่องดีๆนี่ไว้ในความทรงจำเพื่อแบ่งปันกันต่อจากรุ่นสู่รุ่น...ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนอื่นมองเห็นเราชัดเจนกว่าตัวเราที่เป็นคนไทยเสียอีก...คำว่า เป็นเรื่อง"การเมือง" ไม่ใช่ เรื่องความ"แตกแยก"อาจเป็นคำตอบให้คนไทยกลับมาคิดทบทวนกันอีกครั้งว่าเราแตกแยกกันจริงหรือ...เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุด จนคนทั้งโลกยังอิจฉาแต่เราบางคนกลับมองไม่เห็น...เพิ่งรู้และสัมผัสกับคำว่าหัวใจพองโต...มันคับฟ้าคับแผ่นดิน..จริงๆ นะครับ..ที่สำคัญคือ..การที่รู้สึกแบบนี้ได้เป็นเพราะ..ผมเป็นคนไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดเป็น "พ่อของ แผ่นดิน"..พระองค์ฯ ต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้คนไทยทั้งแผ่นดินตลอดไป...จริงไหมครับ..????


(ขอบคุณบทความจาก คนไทย รักในหลวง)
โพสต์โดย สมาคมคนรักครอบครัวแห่งประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น